Sixty Miles ประกอบไปด้วยสมาชิก 5 หนุ่ม จากรั้วมหาวิทยาลัยพายัพ คือ เบิ้ม (กีต้าร์), ฟลุ๊ค (ร้องนำ), พีช (คีย์บอร์ด) ,ดม (เบส) และ บีม (กลอง) ที่เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัยมิตรภาพที่ยาวนาน ทำให้พวกเขารวมตัวกันตั้งวงดนตรีอย่างจริงจังตอนเรียนมัธยมต้น ในชื่อของวง Jive โดยสมาชิกแรกเริ่ม มีเพียงแค่ ดม, เบิ้ม, บีม และ ฟลุ๊ค ที่ต่างพากันผ่านสมรภูมิการประกวดมาหลายเวที ตั้งแต่ยังไม่พ้นวัยทำบัตรประชาชน
จากประสบการณ์ดนตรีที่ข้ามผ่าน สมาชิกวงได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปหลายรุ่น กระทั่งมาลงตัวที่ 5 คนในปัจจุบัน พร้อมกับชื่อวงที่เปลี่ยนมาเป็น Sixty Miles อย่างเป็นทางการ เมื่อเดินเข้าสู่ระดับการเรียนในมหาวิทยาลัย รวมถึงฝีไม้ลายมือทางดนตรีที่ก้าวขยับขึ้นไปเล่นอาชีพกันอย่างจริงจังในผับ ดังของจังหวัดเชียงใหม่ อย่าง Warm Up และที่นั่นเปรียบเสมือนเป็นบันไดก้าวแรกที่เปิดโอกาสทางความสามารถของพวกเขา ให้ทาง แบล็คชีพ ได้เห็น หลังจากผลงานที่ส่งเข้ามาผ่านการพิจารณา
“มี โปรเจ็คท์พิเศษของ Warm Up พี่ที่ร้านเขาอยากได้เพลงมาทำการกุศล เป็นอัลบั้ม 10 ปีของร้าน Warm Up พวกผมก็ทำเพลงส่งไป 3 เพลง แล้วมันมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทางหุ้นส่วนเขาชอบ แล้วเพลงนี้ก็ได้รับการโปรโมทจนติดชาร์ททาง คลื่นวิทยุ ทำให้เรามีแรงที่อยากทำเพลงมากขึ้นไปอีก”
คือสมัยที่เริ่มเล่นดนตรี พวกเราก็แต่งเพลงเองตั้งแต่เรียนม.2 - ม.3 นะครับ แต่งเก็บมาเรื่อยๆ แล้วเราก็มีเพลงอยู่เพลงหนึ่งชื่อเพลง “เวทมนตร์” ที่เลือกมาใส่ในอัลบั้มชุดนี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่พี่คนหนึ่งเขาแต่งไว้ แล้วเขาก็อยากให้เราเล่น ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่พวกเราชอบ แล้วก็ใช้เล่นมาตลอด เหมือนเป็นเพลงประจำวงนะครับ พอเข้ามาทำอัลบั้มกับทางแบล็คชีพ เราก็เลยอยากใช้เพลงนี้เป็นเพลงแนะนำ เพราะมันเหมือนกับเป็นเพลงแรกที่เปิดตัวพวกเราให้คนได้รู้จัก
“เวทมนตร์” อาจจะไม่ใช่เพลงที่ฟังแล้วแปลกหูไปจากที่คุ้นเคย แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการนำเสนอคือความตั้งใจในการทำงาน ที่จะทำเพลงส่งไปถึงคนฟังให้ดีที่สุดและเพราะที่สุด
“จุดเด่นอีก อย่างของพวกเราก็คือความเป็นวงนะครับ ไม่ใช่ว่าพวกเราแต่ละคนเล่นในแบบของใครของมัน เราอยากให้คนฟังลองใช้หูและใช้ใจในการฟังด้วยนะครับ แล้วจะรู้ว่าเพลงมันเพราะยังไง ไม่ว่าอะไรก็ตามสิ่งที่เน้นก็คือ เราทำยังไงก็ได้ให้เพลงที่ออกมาฟังแล้วต้องเพราะครับ”
Sixty Miles บอกเล่าถึงความเป็นตัวตนในแบบของพวกเขา กับดนตรีในแนว Smooth Pop (สมูท ป็อป) งานเพลงสบายหู ที่จะทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับมนตราแห่งเสียงเพลงที่หนุ่มๆทั้ง 5 บรรจงปั้นแต่ง ส่งตรงสู่อัลบั้ม “BLACKSHEEP COMPILATION # 8 - The Season Finale” งานฟินาเล่ ชุดสุดท้ายของทาง แบล็คชีพ ที่จะโชว์ศักยภาพของศิลปินรุ่นใหม่ ก่อนจะปฎิรูปค่ายให้ไปสู่แนวทางใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอศักยภาพของศิลปินที่มีคุณภาพไปสู่โสตของคนฟังในไม่ช้าไม่นาน และ Sixty Miles คืออีกหนึ่งทางเลือกในอัลบั้มชุดนี้ ที่คนฟังจะได้สัมผัสกับซิงเกิ้ลแรก “เวทมนตร์” สมูทป็อปเพราๆที่คงจะใช้เพียงแค่หูในการฟังไม่พอ แต่อาจจะต้องใช้หัวใจฟังด้วยถึงจะได้ยินความตั้งใจของหนุ่มๆทั้ง 5 ชัดขึ้น
Time Machine
Sixty Miles Lyrics
Jump to: Overall Meaning ↴ Line by Line Meaning ↴
จะย้อนไปยังวันที่ยังสวยงาม
ก่อนอะไรอะไรในวันนี้
ที่ไม่เป็นดั่งหวัง
สักเท่าไร
หากว่ามี Time machine ได้จริง
จะย้อนไปยังวันที่ใจต้องการ
ที่ไม่มีกันแล้ว
แค่เพียงไม่มี
สิ่งสิ่งนี้จริงจริง
อยากให้เธอกลับมาแค่ไหนเวลายิ่งหมุนไป
อยากจะย้อนกลับมาแค่ไหน
ทุกอย่างก็สายเกิน
จะแก้ไข
หากว่ามี Time Machine ได้จริง
จะข้ามคืนและวันที่ทนทุกข์ใจ
ข้ามไปในวันที่เธอและตัวฉัน
พบกับความสุขใจ
แค่เพียงไม่มี
สิ่งสิ่งนี้จริงจริง
อยากให้เธอกลับมาแค่ไหนเวลายิ่งหมุนไป (เวลายิ่งหมุนไป)
อยากจะย้อนกลับมาแค่ไหน
ทุกอย่างก็สายเกิน
จะแก้ไข
ก็แค่เพียงอยากให้เธอรู้ไม่เคยคิดรักใคร (ไม่เคยคิดรักใคร)
ต่อให้เวลายิ่งเดินยิ่งหมุนเท่าไรยิ่งรักเธอ
หมดหัวใจที่ฉันมี
ฮื้อ ฮือ โฮโว โวโว้
อยากให้เธอกลับมาแค่ไหนเวลายิ่งหมุนไป (เวลายิ่งหมุนไป)
อยากจะย้อนกลับมาแค่ไหน
ทุกอย่างก็สายเกิน
จะแก้ไข
ก็แค่เพียงอยากให้เธอรู้ไม่เคยคิดรักใคร (ไม่เคยคิดรักใคร)
ต่อให้เวลายิ่งเดินยิ่งหมุนเท่าไรยิ่งรักเธอ
หมดหัวใจที่ฉันมี
อยากให้เธอกลับมาแค่ไหนเวลายิ่งหมุนไป (เวลายิ่งหมุนไป)
อยากจะย้อนกลับมาแค่ไหนทุกอย่างก็สายไป (ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะผ่านพ้นไปนานแค่ไหน)
ก็แค่เพียงอยากให้เธอรู้ไม่เคยคิดรักใคร (รักที่มียังเก็บไว้) (ไม่เคยคิดรักใคร)
ต่อให้เวลายิ่งเดินยิ่งหมุนเท่าไรยิ่งรักเธอ (ต่อให้คำว่ารักที่มันผ่านพ้นยังจำเสมอ)
หมดหัวใจที่ฉันมี
The song "Time Machine" by Sixty Miles is a wistful and sentimental reflection on the past, and the desire to go back and relive moments of happiness or prevent past mistakes. The song imagines the possibility of a time machine, and the longing to go back to a time when everything seemed possible, and everything was beautiful. The lyrics talk about the regret and dissatisfaction of the present, and the hopelessness of the future. The chorus repeats the idea of wanting to turn back time, to find happiness and fix mistakes.
The verses describe specific situations where the singer wishes to travel back in time. The first verse refers to wanting to go back before all the disappointment in the present, before everything became a disappointment. The second verse refers to going back to a time before the relationship with the other person in the song fell apart. The chorus expresses the desire to turn back time and fix everything, to find happiness and love.
Overall, the song is a poignant reflection on the human desire to hold onto moments of happiness and to avoid the pain of the present or the uncertainty of the future. The idea of the time machine is a powerful metaphor for this wish to go back and relive or fix the past.
Line by Line Meaning
หากว่ามี TIme Machine ได้จริง
If there was a time machine in real life
จะย้อนไปยังวันที่ยังสวยงาม
I would go back to the days that were still beautiful
ก่อนอะไรอะไรในวันนี้
Before anything that happened today
ที่ไม่เป็นดั่งหวัง
That didn't turn out as expected
สักเท่าไร
For any amount of time
หากว่ามี Time machine ได้จริง
If there was a time machine in real life
จะย้อนไปยังวันที่ใจต้องการ
I would go back to the days my heart desired
ก่อนที่เธอกับฉันในวันนี้
Before you and I on this day
ที่ไม่มีกันแล้ว
That we are no longer together
แค่เพียงไม่มี
Just like that, it's gone
สิ่งสิ่งนี้จริงจริง
This thing is real
อยากให้เธอกลับมาแค่ไหนเวลายิ่งหมุนไป
I want you to come back, no matter how much time has passed
อยากจะย้อนกลับมาแค่ไหน
I want to go back, no matter how far
ทุกอย่างก็สายเกิน
Everything's too late
จะแก้ไข
Can't fix it
หากว่ามี Time Machine ได้จริง
If there was a time machine in real life
จะข้ามคืนและวันที่ทนทุกข์ใจ
I would cross over nights and days of heartache
ข้ามไปในวันที่เธอและตัวฉัน
Cross over to the day when you and I
พบกับความสุขใจ
Will find happiness again
อยากให้เธอกลับมาแค่ไหนเวลายิ่งหมุนไป (เวลายิ่งหมุนไป)
I want you to come back, no matter how much time has passed (as time goes by)
ก็แค่เพียงอยากให้เธอรู้ไม่เคยคิดรักใคร (ไม่เคยคิดรักใคร)
Just want you to know that you've never loved anyone else (never loved anyone else)
ต่อให้เวลายิ่งเดินยิ่งหมุนเท่าไรยิ่งรักเธอ
Even though time goes by, I'll only love you more
หมดหัวใจที่ฉันมี
My heart beats for no one else
ฮื้อ ฮือ โฮโว โวโว้
Hurray, hooray, hoorah, whee!
อยากจะย้อนกลับมาแค่ไหนทุกอย่างก็สายไป (ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะผ่านพ้นไปนานแค่ไหน)
I want to go back, no matter how much everything's gone (no matter how far tomorrow will be)
ก็แค่เพียงอยากให้เธอรู้ไม่เคยคิดรักใคร (รักที่มียังเก็บไว้) (ไม่เคยคิดรักใคร)
Just want you to know that you've never loved anyone else (love that's still kept) (never loved anyone else)
ต่อให้เวลายิ่งเดินยิ่งหมุนเท่าไรยิ่งรักเธอ (ต่อให้คำว่ารักที่มันผ่านพ้นยังจำเสมอ)
Even though time goes by, I'll only love you more (even when the word love fades away, I'll never forget it)
Lyrics © Sony/ATV Music Publishing LLC
Written by: WIKROM SURITACHAI
Lyrics Licensed & Provided by LyricFind
@PeachLuciano685
💙💙💙💙💙
@TopkungTH
ดีย์